วันเดียว..พาแม่ “เที่ยวพม่า” ไหวป่ะ ?

” แม่ๆ ไปฉลองวันเกิดที่ต่างประเทศกันมะ ? “

ตอนได้ยินครั้งแรก…

แม่น่าจะแอบหวังอยู่ลึกๆในใจ…ว่าจะได้ไป Shopping กระเป๋าแบรนด์เนมที่แพรีส !!!

หรือไม่ก็ไปแช่ออนเซนแบบ Private ที่ญี่ปุ่น !!!

” ไปไหว้พระขอพรที่พม่ากันนะคะ ”

พอสิ้นเสียงสนทนา….ดวงตานางกลับลุกวาว เหมือนว่าจะเป็นสิ่งถูกใจที่นางรอคอยมานาน 

(ผู้ที่รักการไหว้พระ มากกว่ากระเป๋าแบรนด์เนม)

“แต่เป็น 1 Day Trip นะแม่ ไหวเป่า ??”

“หวายยยยยยยยยยยยย สู้ตายยยยยย” แม่หนูเอง 😉

คุณแม่ตอบตกลงอย่างไม่รอช้า พร้อมกับเข้า Shopee เตรียมพร๊อพกันแบบ จัดเต็ม !! ทั้งแม่ ทั้งลูก ไม่ได้น้อยหน้ากันจ่ะ

ที่นี้…ม้าจะมาเล่าให้ฟังนะคะว่า “ทัวร์พม่า 2,999 บาท” ได้อะไร ?

03.00 

เสียงนาฬิกาดังปลุก…..

เราต้องตื่นเช้ามากๆ เพราะคุณไกด์โทรมานัดหมายเวลาก่อนล่วงหน้า 1 วันตั้งแต่ตี 4 !!! เนื่องจากเครื่องจะออกเดินทางประมาณ 6 โมงเช้ากว่าๆ จำเวลาไม่ค่อยได้

ถามว่าตื่นมั้ย…? 

เค้านัดตี 4 …นี่ออกจากบ้านตี 4 จ่ะ….Teerana’s Style +++

เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้สนามบิน…เราจะไปถึงกี่โมงก็ได้ (หราาาาา) เพื่อนๆอย่าเอาเป็นแบบอย่างนะคะ เราควรตรงต่อเวลา ไม่งั้นจะตกเครื่องได้จ้า (ควรมาถึงสนามบินก่อนเครื่องออกเดินทางอย่างน้อย 2 ชั่วโมงเด้อค่า) 

ครั้งนี้ เราซื้อทัวร์ผ่าน seektour.com โดยน้องเซลเค้าจะแจ้งให้ทราบเลยว่าเราได้เดินทางไปกับบริษัทจัดทัวร์ไหน รอบนี้เราได้ไปกับ ProBooking จ้า ส่วนตัวเราว่าประทับใจนะ ตั้งแต่ที่ไกด์โทรมาให้ข้อมูลต่างๆ เรื่องการนัดหมาย ตอบข้อสงสัย และยังแนะนำเรื่องการแลกเงินให้อีกด้วย บริการดีมากๆเลยจ้า รับเอกสารเสร็จก็…ไปเช็คอินกัน !!! อ้อ…ลืมบอก มีค่าทริปไกด์และคนขับรถ 2,000 บาท/ท่านนะคะ (เท่ากับว่าราคารวมท่านละ 4,999 บาทจ้า)

จะบอกว่า…นี่เป็นการขึ้นเครื่องบินโดยสารไปต่างประเทศแบบที่ต้องใช้ Passport ครั้งแรกในชีวิตของคุณแม่หนู

แม่ดูไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่…รู้แต่ว่าวันนี้คิ้วโก่ง และปากแดงเป็นพิเศษ ตั้งแต่ลูกบอกว่า “จะไปถ่ายคลิปแม่นะ” 555+

เราใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ก็จะเดินทางถึง “สนามบินมิงกาลาดง” 

บอกเลยว่า…ผิดคาดมากๆ สนามบินนี้เป็นสนามบินใหม่ สวย ใหม่ และใหญ่ไม่แพ้สุวรรณภูมิบ้านเราเลยนะเออ

พอมาถึง…ไกด์ก็จะพาเราเดินไปขึ้นรถบัสที่จัดเตรียมไว้หน้าสนามบิน โดยกรุ๊ปของเราเป็นกรุ๊ปขนาดกลาง 24 คน ทำให้การเดินทางค่อนข้าง Smoot ไม่วุ่นวายมาก ที่สำคัญ ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเวลาซักเท่าไหร่ ทุกคนตรงต่อเวลากันมว๊ากกก จากบางทีเราก็ขึ้นมาคนท้ายๆ หลายครั้ง 5555 (แต่ก็ไม่ได้สายเน้อออ)

จากสนามบิน…เราจะนั่งรถบัสนี้ไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เพื่อที่จะไปยัง มหาเจดีย์ชเวดากอง สถานที่แรกที่เราจะได้ไปไหว้กันในวันนี้ ระหว่างทาง ไกด์ก็จะแนะนำ เล่าประวัติประเทศพม่า และอธิบายวัฒนธรรมต่างๆ จะว่าไป…ประเทศเค้านี่หนักแน่นในพุทธศาสนากว่าบ้านเราอีกนะคุณ วัดทุกวัดห้ามใส่รองเท้าเดินเลย ใส่ถุงเท้ายังบาป และเวลาเค้าไหว้บูชาอะไรกันแต่ละที ก็ทำกันด้วยความตั้งใจ จริงจังมากมาย เรียกได้ว่า เคร่งสุดๆ ภาพคนนั่งสมาธิใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์นี่เป็นเรื่องธรรมดาไปเลย

//มหาเจดีย์ชเวดากอง

ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาสิงคุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระโคตมพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น ยอดสุดขององค์เจดีย์บประดับด้วยเครื่องประดับต่าง ๆ และเพชร 5,448 เม็ด ชั้นบนสุดมีทับทิม 2,317 เม็ดและเพชรเม็ดใหญ่ 76 กะรัต ใครได้มายืน ณ จุดนี้ ก็ต้องยอมรับจริงๆว่า ภาพที่ปรากฎตรงหน้าชั่งสวยงาม อร่ามตายิ่งนัก นอกจากมหาเจดีย์แล้ว รอบๆบริเวณยังมีจุดให้เราสรงน้ำเทวดา ขอพรตามจุดต่างๆมากมาย ถ้าจะให้ตั้งใจทีละจุด คงต้องอยู่ตรงนี้ซัก 1 วันเต็มๆ ถึงจะขอพรครบทุกที่ แต่จะบอกว่า…มีจุดนึงเป็นไฮไลท์ของทริปนี้เลยนั่นก็คือ…เทพวดาประทานลูก 

ท่านจะมี 2 องค์ หากต้องการลูกสาวให้ขอกับองค์ที่ถือดอกบัว หากต้องการลูกชาย ให้ขอกับองค์ที่อุ้มเด็ก…แน่นอน เราขอ 2 คนเลย หญิงคน ชายคน นานๆมาที ขอให้คุ้ม เนอะ !!! 555+

” Lunch time “

ทริปที่เราจองมานี้…เลี้ยงเป็นบุฟเฟ่ต์ ชาบูปู เป็นหม้อส่วนตัว พร้อมของหวาน และเครื่องดื่มหลายหลาย นึกว่ากดในเซเว่น ส่วนตัวก็ว่าอร่อยนะ น้ำซุป น้ำจิ้มอร่อยดี หมูดี เนื้อดี ผักดี แต่ปูนี่……..มีแต่กลิ่น 5555+ กินแล้วคิดถึงปูม้าบ้านเรามาก เกิดความอยากจะไปเยี่ยมญาติที่สมุทรสาครขึ้นมากระทันหัน 5555+ แต่โดยรวมไม่แย่นะคะ อร่อยค่ะ กินอิ่มแล้วก็เดินทางกันต่อจ้า

// ตลาดสก๊อต

หลังจากที่เราอิ่มท้องแล้ว…ก็เข้าสู่ช่วง “ละลายทรัพย์” ณ ตลาดสก๊อต ตลาดนี้ขึ้นชื่อในด้านหยก และหินอัญมณี เครื่องประดับต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีพวกผ้าทอพื้นเมือง และขนมขึ้นชื่อ ให้ได้เลือกซื้อเพื่อเป็นของฝากกัน ใครจะซึ้งของฝากญาติๆ ก็ต้องจุดนี้เท่านั้นนะคะ หลังจากจุดนี้เราก็จะไปลุยไหว้พระกันต่อแล้วจ้า (ปล. ไม่ได้ถ่ายรูปตลาดสวยๆมาเลย ดูหน้าสาวๆไปก่อนโน๊ะ)

// เจดีย์โบตาทาวน์

และแล้ว…ก็มาถึงช่วงเวลาที่ม้ารอคอย วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของ “เทพทันใจ” อันศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นที่นับถือและเคารพบูชาของผู้คนจำนวนมาก หลายๆคนเชื่อกันว่า หากตั้งใจขอพรข้อใดข้อหนึ่ง พรนั้นก็จะสำเร็จได้โดยฉับพลัน ทันใจ 

ที่นี่…จะมีให้เราบูชาเครื่องสักการะ ตามกำลังศรัทธา และจะมีเจ้าหน้าที่กล่าวนำ ให้สวดมนต์ขอพรตามเค้า ก่อนที่จะเข้าแถวเรียงคิวกันไปขอพรกับนิ้วของท่าน (ใช่มั้ย ? แฮะๆๆ) เราเลือกเครื่องบูชาชุดใหญ่ จะประกอบไปด้วยมะพร้าวทอง กล้วย ใบชนะ ผ้าคล้องคอ ร่มฉัตรกระดาษ ดอกไม้

จากนั้นให้ม้วนธนบัตรเป็นรูปกรวย 2 ใบ ไว้สำหรับสอดไปในมือของเทพทันใจ แล้วนำหน้าผากของเราไปแตะชิดที่นิ้วชี้ของเทพทันใจที่ชี้มา พร้อมอธิษฐาน ให้อธิษฐานได้เพียงข้อเดียวเท่านั้น เสร็จแล้วให้ดึงธนบัตรออกมา 1 ใบ เพื่อเก็บไว้เป็นสิริมงคล และเดินจับรูปปั้นเทพทันใจรอบๆ  จนถึงไม้เท้าของท่าน แล้วคนทำพิธีจะให้ใบชนะแก่เรา และให้เรานำผ้าไปคล้องคอเทพทันใจ เป็นอันเสร็จพิธี

แต่…คนอย่างม้า ธรรมดาโลกไม่จำ !!!

ขอบูชาด้วย “Triple กรวย” 3 อาณาจักร เพราะเนื่องจากเราทำธุรกิจระหว่างประเทศ ม้าจึงตั้งใจขอพรเสริมดวงด้านธุรกิจโดยเฉพาะกับท่าน ขอให้ช่วยดูดเงินถุง เงินถัง จากทุกๆสกุล มาเข้าบัญชีบริษัท แล้วกำไรจะได้ตอบแทนคืนสู่พระพุทธศาสนา และผู้คนที่ยังลำบากโน๊ะ…สาธุ เก็บแบงค์ดอลและใบชนะกลับบ้านเรา ^_^

// เทพกระซิบ

หลังจากที่เราขอพรจากท่านเทพทันใจเสร็จ เราก็จะได้มีขอพรกับเทพกระซิปอีกฟากของถนน ท่านมีพระนามว่า “อะมาดอว์เมี๊ยะ” เป็นเทพธิดาของพญานาค ที่มีความศรัทธาในพระศาสนาเป็นอย่างมาก รักษาศีล และไม่ทานเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต 

ถามว่า “ขอพรจากเทพกระซิบเรื่องอะไร ?” ท่านจะเด่นในเรื่อง มีเสน่ห์เมตตามหานิยม มีโชคลาภ เงินทอง ทำการค้าเจริญรุ่งเรือง สิ่งที่ติดขัดก็จะผ่านราบรื่นไปโดยง่าย คดีความสะสาง ใครต้องการมาขอพรจากท่านได้เล้ยยยย

// พระนอนตาหวาน

ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ว่ากว่าจะถึงจุดนี้ พระอาทิตย์ก็เริ่มจะตกดินละจ้า แต่พลังคุณแม่หนูไม่มีตก เดินไหว้พระครบทุกจุด แถมชวนเดินบูชารอบๆองค์พระอีกต่างหาก เนื่องจากวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของนาง และพระนอนก็เป็นพระประจำวันเกิดนางอีกด้วย ทำให้จุดนี้ เราก็จะตั้งใจเป็นพิเศษ (จริงๆก็ตั้งใจทุกจุด 555+) 

// พระหินขาว (พระเจ้าดอจี)

จุดนี้เป็นจุดสุดท้ายของทริป เราได้มากราบสักการะบูชา พระหินหยกขาว ที่สลักด้วยหินเพียงก้อนเดียว ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศพม่า ตอนไปถึงก็เกือบจะปิดแล้วเชียว แต่ตรงหน้าโบสถ์จะเป็นลานกว้างๆ มีครอบครัวพาลูกๆมาป้อนข้าว มาเล่น มามีกิจกรรมร่วมกันในชุมชน นั่นยิ่งทำให้เรารู้สึกว่า…”วัด เป็นศูนย์รวมของสังคมพม่า” อย่างแท้จริง

เสร็จจากจุดนี้…เราก็แวะเข้าห้องน้ำเล็กน้อย ก่อนเดินทางตรงไปยังสนามบินมิงกาลาดง เพื่อเดินทางกลับไทย เราต้องหาอะไรทานกันเองในมื้อเย็นที่สนามบินก่อนกลับ เพราะบนเครื่องไม่มีข้าวแจก (มื้อเมื่อเช้าก็เช่นกัน) เวลาที่เดินทางมาถึงสนามบินก็แอบจะเหนียวๆอยู่ แต่ก็พอจะแวะซื้อไก่ทอด KFC กะว่าจะเอาไปกินหน้าเกจ เดินถือแก้วโค้กเย็นๆมาเพื่อเททิ้งก่อนสแกนของ ฮาไปอี๊กก 

เราเดินทางถึงไทยกันประมาณ 23.30 น. ยอมรับว่าค่อนข้างเหนื่อย แต่ก็ไม่หนักมาก เพราะไม่ได้ต้องเดินเยอะๆแบบตอนไปเจแปน

” สรุป..ทริปพม่า 2,999 บาท “

* จากปากคนแก่ใกล้จะ 60 นางบอกว่า 1 Day trip ก็ไม่เหนื่อยมากนะ พอไหว ไม่งอแง

* ได้เที่ยวเต็มเวลา ตามโปรแกรม อาหาร 1 มื้อ เหมาะสมกับราคา

* จงบูชาเทพทันใจที่วัดนั้นเลย ของแท้ โคตรแรง โคตรขลัง

* แม่กลับมาพร้อมถูกหวย 3 หมื่นบาท !!!

ฟินนนน…พอมั้ย ? 😉