in

รักเลยรักเลย

มาดูการคัดกรองผู้ป่วยโคโลน่า ของฮ่องกงและญี่ปุ่นกัน (พร้อมภาพจากจุดคัดกรองจริงๆ)

“สวัสดีครับ มิตรรักแฟนเพจ ซีคทัวร์ ทุกท่าน อย่าลืมนะครับ
“ถ้าคุณชอบเที่ยวเราคือเพื่อนกัน”

วันนี้ผมมีเรื่องราวดีๆมานำเสนอเช่นเคยครับ พอดีผมได้มีโอกาสเดินทางไปญี่ปุ่นมาเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีการต่อเครื่องผ่านฮ่องกงและได้แวะทำธุระที่ฮ่องกงก่อน 1 วัน ก่อนที่ทำการบินต่อไปยังสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 15 ของเดือนเดียวกันครับ

ซึ่งทำให้ผมได้ผ่านการคัดกรองผู้ป่วยของทั้งสองสนามบิน จึงอยากจะนำมาเล่าต่อให้เพื่อนๆนักท่องเที่ยวทุกคนได้อ่านกันครับว่ามาตรการการคัดกรองผู้ป่วยของทั้งสองประเทศนี้เป็นอย่างไรและมีแนวทางอะไรที่จะนำมาปรับใช้ได้ในสนามบินบ้านเราครับ

จุดแรก การคัดกรองในสนามบินประเทศฮ่องกง

เริ่มต้นกันที่ฮ่องกงครับ ผมบินถึงฮ่องกงในช่วงกลางคืนของวันที่ 13 ประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆได้ครับ ตอนลงจากเครื่องมาก็เดินกันยาวๆเลยครับ นั่งรถไฟข้ามฝากในสนามบิน ขึ้นบรรใดเลื่อนมาซักพักก่อนถึงบริเวร ต.ม. ก็เจ้าหน้าที่ผู้หญิง มาเอาเครื่องวัดอุณหภูมิมาจ่อที่หน้าผากเราทีละคนครับ ซึ่งตรงนี้บ้านเราดีกว่ามากครับ เพราะเครื่องเทอร์โมสแกนบ้านเรานี่ระบบเดียวกับที่ญี่ปุ่นเลยครับ คือ ให้เดินผ่านก็ตรวจจับได้เลยได้ไม่ต้องมาจ่อหน้าผากทีละคน 

หลังจากผ่านด่านแรกแล้วก็ มาเจอด่านต่อมาครับคือด่านซักประวัติ คือเค้าไม่ได้ถึงกับเป็นตั้งโต๊ะซักกันแบบจริงจัง แค่เป็นแค่เจ้าหน้าที่ยืนถามเราก่อนเข้า ต.ม. ว่า เราเคยไปประเทศจีนมาก่อนหรือเปล่าใน 14 วันที่ผ่านมา ถ้าไม่เคยก็ปล่อยให้ไปต่อครับ นั่นคือด่านสุดท้ายครับคือด่าน ต.ม. เค้าก็จะถามเราเหมือนเดิมครับว่าเคยไปจีนมาหรือเปล่า พร้อมท้้งเปิดหน้าพราสปอร์ตของเราดูไปด้วยครับ ถ้าผ่านหมดคือ ไม่มีไข้ ไม่เคยไปจีน ก็ผ่านเข้าฮ่องกงได้ตามปกติครับ  ข้อสังเกตุพอผ่านด่าน ต.ม. มาแล้วเราก็เจอกับบรรดา เจลล้างมือรอเราอยู่ครับ หลัง ต.ม. ซึ่งดีมากๆ และมีหลายจุดมากๆ ถึงตอนนี้ก็กดล้างมือ กันให้สะอาดครับผม ผมมีรูปบรรยากาศให้ดูด้านล่างนะครับ ต่อกันที่ประเทศญี่ปุ่นครับ

จุดบริการเจลล้างมือใน สนามบินฮ่องกง
จุดบริการเจลล้างมือในสนามบินฮ่องกง ขาเข้าบริเวรก่อนรับกระเป๋า

บรรยากาศของการเดินทางและประเทศฮ่องกงในช่วงที่มีการระบาดของ Covit-19

การคัดกรองในสนามบินประเทศญี่ปุ่น

ผมบินต่อเครื่องจากฮ่องกงมาลงที่สนามบินนาริตะในวันที่ 15 ก.พ. ครับ หลังจากลงมาก็เจอแถวที่ยาวเหยียดมากกกกกกกกกกก ให้ดูตามรูปด้านล่างนี้นะครับต่อคิวไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง เลยครับเห็นแล้วท้อเลย แต่คิดอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนมาว่าต้องโดนตรวจเข้มแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะยาวขนาดนี้ครับ

แถวจุดคัดกรองโคโลน่่าประเทศญี่ปุ่น
แถวผ่านเข้าจุดคัดกรองยาวมากกกกกกกกกกก

ผมก็เลยเดินลัดคิวไปดูด้านหน้าก็ถึงบางอ้อครับ มีการแยกครับ สำหรับคนที่เดินทางมาจาก จีน ฮ่องกง มาเก๊า ให้ต่อแถวซักประวัติกันครับ ส่วนที่คนมาจากประเทศอื่นก็ผ่านได้ตามสะดวกครับ (แต่ถ้ามีไข้ก็โดนเครื่องเทอร์โมสแกนจับได้เหมือนเดิม) 

จีน ฮ่องกง มาเก๊า เข้าซ้ายเลยจ้าาาาาาาาา ส่วนคนที่มาจากไทย ออกขวายิงยาวไปด่านต.ม. สบายใจ
ส่วนคนที่มาจากหูเป่ย ซินเจียง ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง วิ่งเข้าด่านกักกันเลยค๊าฟ



และเหตุผลที่ทำให้โครตช้านั้นก็คืออออออออออ ทุกคนต้องมากรอกใบซักประวัติกัน ว่าครับเป็นใครมากจากไหน พักที่ไหน มีอาการเจ็บปวดอะไรหรือเปล่า ใบกรอกก็ตามรูปด้านล่างเลยจ้าาาาาาาา อันนี้ข้อมูลของแอดมิน ขอเซนเซอร์ข้อมูลส่วนตัวไว้บ้างอันนะครับเดี๋ยวมีดราม่า แฮร่ ซึ่งในใบมีขู่ด้วยจ้าาา ให้ข้อมูลมั่ว จำคุก 6 เดือน ปรับ 500,000 เยน ฉะนั้นกรอกกันให้ตรงๆนะครับ

ความคิดเห็นส่วนตัว
อันนี้คือที่ไทยจำเป็นต้องทำนะครับ คิวยาวก็ต้องยอมมันทำให้เราติดตามได้เวลาที่มีผู้โดยสารบนไฟต์นี้ติดเชื้อ จะได้ตามตัวทุกคนมาตรวจโรคได้ถูกครับ ก็อบภาพที่ผมแนบเอาไปใช้ก็ได้ครับ ต.ม.ไทย ช่วยตรวจเข้มๆซักทีซิ (โว้ย)

พอเรากรอกเสร็จ ต่อแถวรอซัก 1 ชั่วโมง ก็จะถึงจุดที่เจ้าหน้าที่สัมภาษณ์เรา เป็นภาษาอังกฤษ ก็เดิมๆ ไปที่ไหนมาบ้าง เคยเข้าจีนไหน ป่วยไหม ไอไหม มีน้ำมูล มีเสมหะหรือเปล่า ถ้าตอบได้หมด ไม่แสดงอาการให้เค้าเห็น ผ่านเทอร์โมสแกน ไม่มีไข้ก็จะได้ใบนี้มาไว้เอาไปขอผ่าน ต.ม. จ้าาา ทะด้าาาาาา

ถ้าตรวจผ่านก็ได้ใบฟ้าไปขอ ต.ม. เข้าประเทศจ้า ถ้าไม่ผ่านก็ ได้ใบแดง ไปเข้าด่านกักกัน 5555555555555

และแล้วเราก็มาถึงเมืองคาวาซุ มาดูซากุระแรกของปี ตอนนี้กลับถึงไทยแล้วครับขอตัวไป กักตัวเอง 14 วันก่อน ขอบพระคุณที่รับชมทุกท่านครับ แฮร่!
**ข้อควรระวังตอนนี้ไม่ควรมาแล้วครับ เพื่อเป็นการลดการแพร่กระจายของโรค ตอนที่ผมไป ยังไม่หนักหนาเท่าตอนนี้ ตอนนี้ผมก็ต้องกักตัวเองเพื่อความปลอดภัยและรับผิดชอบต่อสังคมครับ

คำแนะนำถึงด่านตรวจในบ้านเรา 
ในฐานะนักเดินทางที่เดินทางไปต่างประเทศกว่า 50 ครั้งใน 1 ปี 

1. ให้เจ้าหน้าที่ยืนคัดกรองก่อนเลยว่านักเดินทางมาจากไหนเคยมีประวัติเข้าพื้นที่เสี่ยงหรือเปล่า
 2. ทำเหมือนญี่ปุ่นเลยคือมีการซักและทำประวัติคนที่มาจากประเทศสุ่มเสี่ยงเอาไว้ใช้ในกรณีที่มีคนป่วยปนอยู่บนเครื่อง จะได้ตามตัวมากักกันได้หมด ไม่งั้นหากันไม่เจอเลยครับ ถ้าผ่าน ต.ม. ไปแล้ว
3. เจลล้างมือ จะบอกว่าควรมีทุกจุด เพราะ กันไวรัสได้ดีกว่าหน้ากากอนามัยมากโรคนี้ติดง่ายทางการสัมผัสมากว่าการไอหรือการจามครับ

ฝากถึงทางการไทยด้วยครับ ด้วยรัก และเคารพครับ

ฝากอีกเรื่องครับ
ตอนนี้บ้านเรามีปัญหากันเยอะ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ  ผมเชื่อว่าถ้าเรารักกันสามัคคีกัน คนไทยผ่านกันได้ทุกปัญหาครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ 
อย่าลืมโหวต โพสผมให้ทางด้านล่างด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

What do you think?

Written by admin

น้องบ็อกคือกล่องใส่ความสุขและความสนุกมามอบให้กับคุณ

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Loading…

0

Comments

0 comments

10 ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ ถ้าคุณได้ไปเยือน..ซักครั้งในชีวิต

7 เทคนิค เมื่อต้องพา “ผู้สูงอายุ” เดินทางท่ามกลางวิกฤตไวรัสโควิด-19